ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

การล่าแม่มดในโลกออนไลน์

ในสังคมออนไลน์ในบ้านเรา เรามักจะเจอเหตุการณ์หลาย ๆ เหตุการณ์ที่มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเราเลย แต่ดันกลายเป็นกระแสอยู่บ่อย ๆ และหลากหลายเหตุการณ์ที่แย่ ๆ ในโลกออนไลน์ถ้าจะนับทั้งหมดคงไม่พ้นเรื่องการล่าแม่มด หรือล่าพ่อมดอะไรก็ว่ากันไป ซึ่งพฤติกรรมล่าแม่มดในโลกออนไลน์เป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนถกเถียงถึงความเหมาะสมเพราะเหตุผลของการล่าแม่มดค่อนข้างน่าตกใจพอสมควร



เนื่องจากการล่าแม่มดในแต่ละครั้งคือการล่าคนที่ทำผิด ซึ่งการทำผิดนั้นมันเป็นการทำผิดต่อกฎหมู่ ไม่ใช่กฎหมายที่เขียนอย่างเป็นทางการ และคนที่ล่าแม่มดเหล่านี้ต่างให้ความเห็นว่า กฎหมายมันอ่อนแอไป ต้องกฎหมู่สิ เราไม่ชอบสิ่งที่เป็นอยู่ เราไม่ปล่อยให้นิ่งเฉยแบบนี้ เราต้องเปลี่ยนแปลง ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

ความคิดแบบนี้จึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า “การล่าแม่มด” ครับ

จุดเริ่มต้นของการล่าแม่มด


การล่าแม่มดจริง ๆ มีมานานแล้ว และการล่าแม่มดในยุคสมัยก่อนค่อนข้างโหดร้ายป่าเถื่อนและน่ากลัวมาก ซึ่งสิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่การฆ่าผู้หญิงที่ถูกกล่าวหาอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นเรื่องการล่าแม่มดในยุคนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ส่วนสาเหตุในการล่าแม่มดนั้นเพราะในยุคสมัยก่อน มีคนบางกลุ่มตีความเรื่องศาสนาว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากกับชีวิต ไม่ใช่แค่สำคัญมากในชีวิต แต่เป็นทั้งประเทศ และผู้ปกครองเมืองของประเทศแต่ละประเทศในยุโรปต่างใช้กฎหมายซึ่งอิงกับศาสนาคริสต์กันทั้งนั้น


โดยการกล่าวหาเรื่องเป็นแม่มดนั้นมักจะกล่าวหาแบบหยาบ ๆ ไม่มีการไตร่ตรองก่อนว่าเค้าเป็นแม่มดจริงหรือเปล่า ตัดสินด้วยรูปร่างหน้าตาภายนอกและของใช้ในชีวิตประจำวัน เพียงแค่เห็นสาวหน้าตาน่าเกลียดและมีบุคลิกที่คล้ายคลึงกับแม่มด ก็ถูกกล่าวหาจนได้ และการสอบสวนแต่ละครั้งของกลุ่มบาทหลวงในยุคนั้น ใช้เครื่องทรมานจัดการ และถ้าเกิดว่าคน ๆ นั้นเป็นแม่มดจริง จำเป็นต้องสั่งประหารชีวิตด้วยการเผากลางสาธารณะทันที


การกล่าวหาว่าคนนู้นคนนี้เป็นแม่มดล้วนมาจากความเชื่อที่ว่าคน ๆ นี้จะเป็นภัยต่อศาสนาแทบทั้งสิ้น และกลุ่มแม่มดที่หลาย ๆ คนตีความ ให้เหตุผลว่าพวกเค้าเหล่านี้ไม่เชื่อพระเจ้า มองว่าอิทฤทธิ์ของพระเยซูเป็นเรื่องปาหี่หรืออะไรทำนองนี้ และนี่คือการล่าแม่มดในสมัยก่อนครับ

วิธีการล่าแม่มดในยุคปัจจุบัน




ผ่านไปหลายร้อยปี ในยุคที่มนุษย๋ได้ใช้เทคโนโลยีกันมากขึ้น และถึงยุคที่มนุษย์ขาดสิ่งที่เรียกว่า Social Network ไม่ได้ อารมณ์ประมาณว่า เดี๋ยวนี้คนเสพเรื่องราวใน Social Network เป็นเรื่องปกติ และทำให้พวกข่าวออนไลน์เริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามกลไกลของเทคโนโลยี เอาจริง ๆ นะ เมื่อก่อน คนเล่น Social Network


เพราะอยากรู้ว่าเพื่อนไปที่ไหนอะไรยังไง และเพื่อนก็จะเข้ามากดไลค์กดแชร์กันมัน แต่ตอนนี้เมื่ออายุมากขึ้น คนที่ยังแชร์อยู่คือคนที่หน้าตาดีเท่านั้นแหละ แต่ถ้าเป็นคนอื่นจะไม่ค่อยแชร์หน้าตัวเองเท่าไร 55555 แต่จะแชร์พวกข่าวหรือโพสต์อะไรมากกว่า และยุคนี้เป็นยุคทองของพวก Content ไม่ว่าจากเพจหรือเฟสส่วนตัว แต่ละคนก็กระหน่ำโพสต์กระหน่ำแชร์กันไป



แต่เดี๋ยวก่อน… เนื่องจาก Facebook เป็น Social Network ที่มีฟีเจอร์การแชร์และเพียงแค่กดไลค์ก็เด้งเข้า News Feed แล้ว มันทำให้การป่าวประกาศอะไรก็แล้วแต่มันกลายเป็นประเด็นร้อนใน Social Network ทันที และอย่าลืมว่าทุก ๆ คนที่มี Facebook เค้ามีสื่อเป็นของตัวเองโดยที่ไม่ต้องเรียนเรื่องจรรยาบรรณของสื่อเลย ทำให้เวลาเราจะโพสต์เรื่องอะไรไป



ก็สามารถกำหนดสิ่ง ๆ นั้นได้ทันที และแต่ละคนถ้าเกิดมีคนติดตามเยอะ ๆ คำพูดของเรามันมีน้ำหนักขึ้นไม่ต่างจากเราเป็นแกนนำเวทีปราศรัยในโลกออนไลน์ และยิ่งเราพูดอะไรก็แล้วแต่ คนก็จะแชร์และเห็นกันต่อเนื่องไม่ต่างจากไวรัสที่แพร่กระจายได้เร็วกว่าที่คาดคิด

ซึ่งจุดเริ่มต้นของการล่าแม่มด มาจากจุดนี้ครับ

สาเหตุของการเกิดการล่าแม่มด

เพราะธรรมชาติของมนุษย์ มนุษย์จดจำเรื่องร้าย ๆ มากกว่าเรื่องดี ๆ เพราะสัญชาติญาณเอาตัวรอดที่ถูกฝังอยู่ใน DNA ของมนุษย์ตั้งแต่บรรพบุรุษ การกล่าวหาคนใดคนหนึ่งแล้วพูดบอกว่า คนนี้นิสัยไม่ดี คนนี้ไม่ถูกชะตา คนนี้ทำผิดต่อศีลธรรม คนนี้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ โดยหารู้ไม่ว่า คนที่โพสต์กลายเป็นผู้ตัดสินเรื่องราวต่าง ๆ ซะเอง ตัดสินทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องตัวเอง


และมันน่ากลัวที่คนดันไปเชื่อสิ่งที่ตัดสินทั้ง ๆ ที่โพสต์ใน Facebook อันนั้นมันไม่ได้เป็นโพสต์บอกหลักฐานหรือบอกอะไรเยอะแยะจนน่าคิดและตัดสิน และเนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ชอบคล้อยตามกระแส แต่ไม่มีจุดยืนอยู่ที่ตัวเอง มันก็เลยเกิดปรากฎการณ์ล่าแม่มดในโลกออนไลน์



วิธีการล่าแม่มดของโลกออนไลน์ ไม่ได้ใช้เชือก ใช้ไม้ ใช้หอก ดาบ หรืออะไรที่ทำร้ายร่างกาย แต่จะใช้ “อดีตที่แย่ ๆ ของคน ๆ นั้น” และเอามาจับวาง ตีความใหม่ให้ดูแย่กว่าเดิม และกล่าวหาว่าคน ๆ นั้นเป็นภัยต่อสังคม เป็นคนที่ไม่ควรอยู่ใกล้ เมื่อแชร์เรื่องราวนี้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ให้คนที่สนใจแชร์ไปเรื่อย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จนเกิดประเด็นและถูกแฉเรื่องราวในอดีตซึ่งมีผลกับชีวิตประจำวันของคน ๆ นั้น



ซึ่งจุดเริ่มต้นของการล่าแม่มดบนโลกออนไลน์ในเมืองไทย เริ่มจากช่วงที่ขัดแย้งทางการเมือง มีคนหลายคนโพสต์อะไรไม่ดีแล้วก็จับประจานคน ๆ นั้น หรือตั้งเพจที่ให้ข่าวเท็จกับเรื่องราวต่าง ๆ นั้นก็เป็นต้นเหตุของการล่าแม่มดเหมือนกัน



และสิ่งที่น่าตกใจของการล่าแม่มดในโลกออนไลน์ เหมือนกับการล่าแม่มดในสมัยก่อนเป๊ะ คือคนที่ล่าคิดว่าตัวเองเป็นคนดี ทำถูกต้องแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าวิธีการทำแบบนี้มันผิด!!! เพียงแค่กล่าวหาคนอื่นว่าเลว ก็สามารถเป็นคนดีได้ง่ายเลย

ผลกระทบของการล่าแม่มด



ผลกระทบที่เจอจริง ๆ ของการล่าแม่มดคือเรื่อง “ชีวิตประจำวันของผู้ถูกล่า” จะเปลี่ยนไป จากที่เราเป็นหน้าเป็นตาของสังคม หรือไม่มีใครรู้จักอะไรเลย พอโดนล่าล่ะก็ กลายเป็นคนดังในแง่ลบทันที และแน่นอน ถ้าเกิดอะไรในแง่ลบแล้วล่ะก็ มีปัญหากับการติดต่องานครับ อย่างงานที่กำลังจะจ้างถูกยกเลิก เพราะอาจสร้างผลเสียของหน้าตาบริษัท หรือคนที่ยกเป็นไอดอล กลับต้องถูกยกเลิกเพราะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชน

และอย่าลืม คนที่เกลียด เค้าหายเกลียดยากมาก

จริง ๆ ผลเสียมีมากกว่านั้น หนึ่งในนั้นคือ ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไปเพราะหลาย ๆ คนที่เห็นจะหวาดกลัวหรือเห็นแล้วต้องขับไล่ใสส่งทันที และคนที่กล่าวหาเรามันไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่มีหลายคนโดยที่เราไม่เห็นตัว ความน่ากลัวมันอยู่ตรงนี้ครับ คือมันโผล่มาเรื่อย ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว และสิ่งที่น่ากลัวสุด ๆ คือ เพื่อนของเราดันกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มล่าแม่มด และเพื่อนคนนั้นดันทรยศเรา เอาความลับไปเปิดโปงจนกลายเป็นประเด็น เพื่อนแบบนี้ บอกคำเดียวว่า เหี้ยมโหดมาก!!!! จิตใจทำด้วยอะไร

วิธีรับมือกับการถูกล่าแม่มด


วิธีรับมือการถูกล่าแม่มด คล้าย ๆ กับการรับมือดราม่า อย่างแรกคือ มองหาสาเหตุของพวกล่าแม่มดก่อนว่า เราโดนล่าเพราะอะไร ถ้าเกิดว่าการกล่าวหาของพวกล่าแม่มดเป็นเรื่องจริง ที่ทำได้คือ เราต้องยอมรับผิด และอย่าเพิ่งหยุด เราบอกสาเหตุหรือเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่ามันมีอะไรบ้าง อย่าลืมว่า คนที่ถูกกล่าวหา ถ้าเรื่องราวที่พูดมาทั้งหมดมันเป็นเรื่องที่น่าเชื่อถือ การกล่าวหาจะกลายเป็นโมฆะ แต่คนที่คิดจะล่าแม่มดกลายเป็นผู้ถูกล่าไปซะเอง ถ้าเกิดเรามีแฟนคลับนะ

และถ้าเกิดพวกล่าแม่มดเล่าเรื่องของเราเป็นเรื่องไม่จริง เราสามารถแคปหลักฐานและฟ้องร้องได้ตามสะดวกครับ

ปัจจุบันเรื่องการล่าแม่มดยังมีให้เห็นทั่ว และคนที่ใช้วิธีนี้อาจจะเกิดด้านมืดตามมาทีหลัง คือลุ่มหลงกับอำนาจของตัวเองจนโงหัวไม่ขึ้น คือเมื่อเป็นคนชอบตัดสินคนไปเรื่อย จนทำอะไรหลาย ๆ อย่างเกินเลยเกินไป อย่าลืมว่า วิธีล่าแม่มดนั้นเป็นวิธีด้านมืด ผลเสียที่ตามมามันอาจจะมีมากกว่าผลดี ต้องระวังตัวถ้าจะใช้วิธีนี้




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

นักเลงคีย์บอร์ด คืออะไร

นักเลงคีย์บอร์ด ไม่ใช่ชื่อเพลงของสแตมป์ที่ร่วมเล่นเพลงกับ YMCK ศิลปินเพลงแนว Chiptune จากแดนปุ่น ๆ แต่มันคือนักเลงที่เราไม่สามารถจินตนาการรูปร่างของมันที่แท้จริงเลยว่ามันเป็นอย่างไร บางคนบอกว่า อาจจะเป็นนักเลงจริง ๆ แต่ชอบขี้แพ้ บางคนเป็นเด็กเนิร์ด เรียนเก่ง นิสัยดี บางคนอาจจะไม่ใช่คนจริง ๆ มันเป็นบอทที่คอยปล่อยคำพูดโง่ ๆ ให้คนอื่นได้ยิน หรือบางคนอาจจะเป็นคนใกล้ตัว และแกล้งทำเป็นนักเลงในโลกออนไลน์และคอยหาเรื่องคนนู้นคนนี้ไปเรื่อย อย่าลืมว่า โลกออนไลน์กับโลกแห่งความเป็นจริงต่างเดินทางแบบคู่ขนาด เรื่องบางเรื่องเกิดในโลกออนไลน์ แต่อาจส่งผลกับโลกแห่งความจริง นักเลงคีย์บอร์ดก็เหมือนกัน คนที่โดนนักเลงคีย์บอร์ดบางคนเค้าเห็นว่าเป็นเด็ก ก็เลยว่ากล่าวตักเตือน แต่ถ้ายังทำอีกรอบ นั่นอาจต้องโดนอะไรมากกว่านั้นแน่นอน

พูดถึงเกม K.I.A. Online

รู้หรือไม่ ย้อนไปเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว มีเกมของคนไทยเกมหนึ่งค่อนข้างพูดถึงกันเยอะ เพราะเป็นเกมที่ใช้ Unreal Engine 3 ในการพัฒนา ร้านเกมหลาย ๆ เกมรับแผ่นเกม ๆ นี้และเอาไปลงเครื่องกันเยอะแยะ โดยเกมนี้เคยเป็นกระแสอยู่บ่อย ๆ เพราะเป็นเกมที่ภาพสวยใช้ได้ แต่พอมาเปิด Open Beta จริง ๆ เหมือนกราฟิคดรอปลง และเกม ๆ นี้คือ KIA Online ครับ มาดูกันครับว่า เราจะพูดถึงเกม ๆ นี้ว่าอะไรบ้าง เป็นเกมคนไทยสร้างที่เป็น Talk Of The Town ในยุคนั้นมากที่สุด ก็นะ… คือเอาจริง ๆ ยุคนั้นเกมคนไทยก็มีมาบ่างแล้ว แต่คุณภาพเกมแต่ละเกมที่วางจำหน่ายก่อนหน้านั้นยังไม่ถึงขั้นมาตรฐาน ทั้ง AI ที่เห่ย หรือเนื้อเรื่องที่ดูแล้วไม่น่าติดตาม ไม่น่าเล่น แต่ในช่วงเวลานั้นที่คนไทยผลิตแล้วประสบความสำเร็จมักจะเป็นเกม 2 มิติ แต่สำหรับเกม KIA เป็นเกมของคนไทยที่ผลิตออกมาด้วยการเขียนเกมใน Game Engine ที่ชื่อ Unreal Engine เวอร์ชั่น 3 ซึ่งตัว Engine ตัวนี้เป็นที่นิยมมากสำหรับผู้ผลิตเกมในยุคนั้นเพราะเป็น Engine ที่ผลิตเกมได้ดีเลยทีเดียว ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า บางบริษัทพัฒนาเกม เค้าไม่มีทีมงานเขียนโปรแกรมที่สามารถสร้างเก

ทำไมคนไทยไม่ชอบสร้างเกมเอง

มีญาติผู้ใหญ่ในวงการเกมเคยถามพวก ๆ เราว่า “ทำไมเมืองไทยไม่สร้างเกมเองล่ะ” เผลอ ๆ จะได้เงินเข้าในประเทศบ้างอะไรบ้าง คำถามนี้เป็นคำถามที่หลาย ๆ คนสงสัย ตัวเราเองก็สงสัยเหมือนกันตอนเด็ก ๆ คือทำไมเกมต่าง ๆ คนที่ผลิต มันมีแค่ 2 ประเทศอย่างญี่ปุ่นหรืออเมริกาเหรอ ทำไมคนไทยไม่ผลิตเองบ้าง เผื่อได้เงินเยอะ ๆ ความคิดแบบนี้มันก็ผุดขึ้นในหัวอีกรอบครับ เมื่อเราเห็นอุตสาหกรรมเกมมันดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และเราก็เข้างาน TGS BIG FEST เราก็เห็นแต่พวกเกมของต่างประเทศเปิดตัว แต่เอาจริง ๆ งาน TGS BIG FEST มันเป็นงานแนว ๆ แข่งเกมมากกว่า ถ้าจะหวังงานแบบ E3 ในประเทศไทยก็คงยาก คงเพราะไม่ยอมจัดที่ ๆ ใหญ่ ๆ อย่างพวก BITEC Bangna เรื่องความใหญ่ไม่ใหญ่ เราขอไม่พูดถึงครับ เพราะคลิปนี้ เราจะพูดถึงว่าทำไมคนไทยไม่ชอบสร้างเกมเอง ไปเชิญชมกันเลยครับ เงินทุนไม่มากพอ จะบอกว่าเงินทุนคือเหตุผลหลักที่ทำให้เกมไทยไม่เกิด ไม่ได้ดังเหมือนเกมอื่น ๆ บนโลกนี้คงต้องยอมรับจริง ๆ ครับ เงินคือทุกอย่างในการสร้างเกม ต้นทุนการสร้างเกมนั้นมันจะมี 2 อย่างครับ คือ การลงทุนฝ่ายพัฒนา และการลงทุนฝ่ายการโฆษณา และสองอย่า